
“วาสนา” บางคนมองว่าเป็นเรื่องของ “ผลบุญ”
ที่เราเคยสะสมไว้ แล้วแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆนาๆ
เช่น โชคลาภ ทรัพย์สิน สุขภาพ อายุ
หรือ บริวารแวดล้อมรอบกาย
ล้วนแล้วแต่เป็นมุมมองของแต่ละคน
ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองไม่มีวาสนานั้นควรระลึกไว้แบบนี้ว่า
…
วาสนา
ไม่ได้อยู่ที่คุณมีรถหรูเพียงใดขับ
แต่อยู่ที่ขับรถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?
วาสนา
ไม่ได้อยู่ที่คุณมีบ้านหลังใหญ่โตเพียงใด
แต่อยู่ที่ในบ้านมีเสียงหัวเราะหรือไม่?
วาสนา
ไม่ได้อยู่ที่พ่อแม่เหลือมรดกไว้ให้คุณหรือไม่
แต่อยู่ที่พ่อแม่แข็งแรงให้คุณดูแลปรนนิบัติหรือไม่?
วาสนา
ไม่ได้อยู่ที่คุณมีคู่ชีวิตสวยหรือหล่อเพียงใด
แต่อยู่ที่เขาและเธอเข้าใจคุณหรือไม่?
วาสนา
ไม่ได้อยู่ที่ลูกของคุณเรียนเก่งทำงานเก่งเพียงใด
แต่อยู่ที่กตัญญูรู้คุณหรือไม่?
วาสนา
ไม่ได้อยู่ที่คำหวานหูหรือเสียงปรบมือเมื่อคุณมีเงินนั้นดังเพียงใด
แต่อยู่ที่เมื่อคุณล้มลงยังมีอีกหลายมือ
ยื่นมาฉุดให้คุณลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้งหรือไม่?
…
จะรวยหรือจะจนทุกคนก็มีความทุกข์ได้…!!
คนลำบากหาเช้ากินค่ำ ทำไมต้องตื่นเช้า
ทำไมเราลำบากไม่เหมือนคนอื่น
ทำไมเราไม่มีเงิน ทำไมเราไม่มีรถ ทำไมเดือนนี้ไม่พอใช้
ส่วนที่มีฐานะก็ทุกข์อีกเช่นกัน ทำไมปีนี้รายได้น้อยกว่าเดิม
ทำไมยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า
ทำไมธุรกิจใหม่ที่ทำยังไปได้ไม่ดี ทำไมลูกน้องลาหยุดบ่อย
เคยลองมองหันกลับมามองและถามตัวเองบ้างไหม
ว่าทุกวันนี้ที่เราหาเงินมานั้นเราเอาไปเติมความสุขให้กับตัวเองตรงไหน
บางคนทำงานจนลืมดูแลตัวเอง ลืมดูแลคนข้างหลัง
บางทีคนที่เรารักอาจไม่ได้ต้องการแค่เงินทองเพียงอย่างเดียว
แต่เค้าอาจจะต้องการเวลา ความอบอุ่น หรือความรัก ก็เป็นได้
คนที่ “น่าอิจฉา” ไม่ใช่คนที่ ” รวย” ที่สุด แต่…
คือคนที่ “มีความสุข” ที่สุด ไม่ว่าเขาคนนั้นจะ “จน” หรือ “จะรวย”
เพราะฉะนั้น…
อย่าอวดว่ามีเงิน เพราะยาม เ จ็ บ ป่ ว ย
นอนโรงพยาบาลมันไม่ต่างอะไรกับกระดาษ
อย่าอวดในตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่
เพราะวันใดที่คุณล้ม ป่ ว ย
ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ทั้งเก่ง
และเยี่ยมยอดรอเสียบตำแหน่งต่อจากคุณ
อย่าอวดรถยนต์ที่คุณขับ
เพราะวันใดที่คุณหมดลมหายใจ กุญแจรถก็อยู่ในมือของคนอื่น
อย่าอวดว่ามีบ้านหลังใหญ่โต
วันที่คุณจากโลกนี้ไป มันก็เปลี่ยนเป็นของคนอื่น
…
สุขอยู่ที่ใด? สุขอยู่ที่ใจ
รู้ใจได้สุข!
เป็นตาฮัก