
เมื่อสักสัปดาห์ก่อน โดนน้องในออฟฟิศถามว่า ‘ทำไมการรอคอยทรมานจัง’ (เนื้อความประมาณนี้ จำเป๊ะๆ ไม่ได้)
เราจำไม่ได้แล้วว่าในตอนนั้นตอบน้องไปว่ายังไง
แต่เมื่อลองกลับมาคิดในเวลานี้
เราก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมการรอคอยถึงทรมาน
ก่อนจะได้คำตอบนี้ เราเลยย้อนคิดไปอีกว่า
เรารอคอยอะไร?
หาคำตอบยากกว่าข้อแรกอีก
เรารอคอยอะไรบ้าง?
รอคอยผลสอบ
รอคอยที่จะได้เจอเพื่อนที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ
รอคอยใครสักคนที่ไม่รู้จะมาเมื่อไร
รอคอยวันหยุดจะได้ไปเที่ยว
รอคอยวันที่จะเรียนจบ
รอคอยที่จะได้เริ่มต้นในทางเดินใหม่
รอคอยคำตอบจากใครสักคน
รอคอย…
คนเรารอคอยเยอะแยะไปหมด
แล้วเราก็จะโฟกัสการรอคอยที่ผลลัพธ์
เฝ้ารอวันที่เราจะได้รับผลลัพธ์นั้น
มองไปถึงปลายทางที่อยากได้
โดยเราลืมที่จะมองถึงความสวยงามระหว่างรอคอย
ไม่ได้สนใจว่าเราจะได้เจออะไรระหว่างทางของเวลาที่เดินทางไปถึงจุดหมาย
เราเอาแต่เฝ้าฝันถึงผลลัพธ์มากเกินไป จนไม่ใส่ใจสิ่งที่เราได้ระหว่างทาง
แม้กระทั่งตัวเราเองก็เอาแต่คิดถึงปลายทางมากกว่าระหว่างทางในบางครั้ง
และนั่นทำให้เราคิดมาก
กลายเป็นว่าการรอคอยมันช่างทรมาน ไม่มีความสุขสักนิด
เมื่อไรกันที่เราจะได้รับคำตอบ
เมื่อไรจะถึงจุดหมาย
อีกนานไหมนะ…
เราจะต้องรอไปถึงเมื่อไรกัน
สิ่งที่เรารอคอยมันจะมีทางเป็นจริงไหม
เห็นไหม ความคิดเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การรอคอยของเราทรมาน
แต่ถ้าหากเราลองปรับมุมมองดูบ้าง
ลองหันไปสนใจเพลงที่กำลังฟังระหว่างต่อคิวเติมบัตรบีทีเอส
ลองมองดูวิวที่ผ่านไประหว่างเดินทางกลับบ้าน
มองท้องฟ้าสีพาสเทลยามเย็นระหว่างรอใครสักคนที่กำลังเดินทางมา
ให้ความสำคัญกับการกระทำของอีกฝ่ายระหว่างที่กำลังรอคำตอบจากใครคนนั้น
โฟกัสกับรอยยิ้มและความสุขที่เราได้มาระหว่างการรอคอย
เพราะนั่นหมายความว่าตอนนี้เรากำลังมีความสุข
ตอนนี้เราได้ฟังเพลงที่ชอบ
เรากำลังยิ้มเมื่อเห็นท้องฟ้าสวยในยามเย็น
เรายังได้รับรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่ข้างเรา
เรายังสามารถหัวเราะและยิ้มออกมาได้
แม้สุดท้ายปลายทางจะไม่เป็นแบบที่เราหวัง
แต่อย่างน้อยสิ่งที่เราได้รับมาจากระหว่างทางก็จะกลายเป็นความทรงจำที่ดี
หรือถ้าหากวันหนึ่งเราสมหวังในผลลัพธ์ปลายทางของการรอคอย
ระหว่างทางก็จะยิ่งทำให้เราเห็นคุณค่าของผลลัพธ์นั้นมากขึ้น
ก็เท่านั้นเอง
ขอขอบคุณที่มา : storylog.co
เรียบเรียงโดย : เป็นตาฮัก