
ถ้าจะทำอะไรให้ใครท่องไว้เลยครับ “อย่าหวังผลตอบแทน”แล้วจะมีความสุขกับการให้ไม่ว่าจะให้ไปในวงกว้างหรือให้เฉพาะบุคคลเพราะคุณจำเป็นต้องให้อะไรดีๆกับใครสักร้อยคนถึงจะมีหนึ่งคนที่เขาจำคุณได้ว่าเคยมีบุญคุณกับเขา
และอาจต้องให้เป็นพันหรือหลายพันคนถึงจะมีสักคนที่อยากตอบแทนบุญคุณคุณอย่างเหลือเกินธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างนี้
ถ้าทำดีกับคนๆเดียวพึงหวังว่าเราจะทำบุญแบบให้เปล่าและอาจคาดหวังไว้แบบเผื่อใจด้วยว่าคนที่เราดีด้วยวันหนึ่งอาจสนองคุณด้วยการทำร้ายเรา
และนั่นอาจเป็นเพราะเราเคยทำเช่นนั้นมาก่อนโดยไม่รู้ตัวและจำไม่ได้แล้วตั้งแต่อดีตกาลนานไหน
กรรมที่ลืมบุญคุณคนก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบากแต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่งคือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อคุณจะได้คะแนนบวกมหาศาลน้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำแม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงานก็จะได้รับความช่วยเหลือผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
การอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณให้อยู่สุขสบายจะเป็นตัวตั้งเป็นหลักประกันว่าทั้งชาตินี้และชาติหน้าจะเจริญรุ่งเรืองในการทำมาหากินยิ่งๆขึ้นไปกับทั้งเป็นผู้ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ถูกแย่งชิงหรือมีเหตุให้เสียมรดกไปอย่างไม่สมควร
นี่เป็นหลักการสะท้อนให้เห็นว่าทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตนทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
ถาม – ทำไมคนบางคน “ทำคุณคนไม่ขึ้นแล้วเจอแต่มิตรที่ไม่ค่อยจริงใจและโดนหักหลังบ่อยคะ
ตอบ ถ้าดวงจะเป็นคนทำดีไม่ขึ้นจริงก็ต้องเข้าใจก่อนครับว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นการทำดีไม่ขึ้น ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป
หรือทำบุญกับใครเขาไม่กตัญญูไม่มีแก่ใจมาสนองพระคุณ
แต่กลับมาแทงข้างหลังหรือเล่นงานกันตรงๆด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งก็เพราะเราเคยร้ายแบบเดียวกันกับผู้มีพระคุณจะเป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์หรือคนที่ให้ความช่วยเหลือก็ตามทำกับเขาอย่างไรดวงก็ออกมาแนวนั้น ณ ที่ที่กรรมเผล็ดผล
บางคนแค่ต้นชีวิตบางคนครึ่งชีวิตบางคนก็ทั้งชีวิต
แต่ต่อให้เป็นเรื่องจริงและเรารู้อยู่กับตัวก็ช่างเถิดมันเป็นของเก่า เราทำบุญใหม่ก็ได้บุญใหม่ได้ใช้หนี้กรรม ได้ทำให้ใจพัฒนาขึ้นคนอื่นจะเป็นยังไงกับเรามันเรื่องของเขา กรรมของเขาแล้ว
ยิ่งถ้าเรารู้จากประสบการณ์ตรงว่าเจอคนกตัญญูบ้างเจอคนเนรคุณบ้าง สลับๆกันครึ่งต่อครึ่งอันนั้นก็สะท้อนว่าเราเคยเป็นคนธรรมดาที่นึกได้บ้าง นึกไม่ได้บ้าง ว่าใครเป็นผู้มีพระคุณที่ควรทดแทนเราก็รับกรรมที่สมกันตามธรรมดาแล้ว
ทำดีถึงไม่ได้ดี ก็รู้สึกดีครับ เราได้รางวัลแน่ๆจากใจตัวเองอยู่แล้วมือที่หยิบยื่น ปากที่พูดช่วย ด้วยจิตที่คิดให้ถ้าไม่สว่างขึ้น ไม่รู้สึกดีขึ้น ก็ผิดธรรมชาติไปหน่อยล่ะเล็งแค่นี้พอแล้ว เรื่องอื่นไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรเลย
เป็นตาฮัก